ภาษีที่ดินและธุรกิจทุกประเภทจะเสียภาษีแตกต่างกัน แน่นอนว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหอพัก หรือธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ ธุรกิจอสังหาฯ ปล่อยเช่า ก็ต้องเสียภาษีเช่นกัน มีภาษีหลักสามประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับภาษี ที่ดิน และสิ่ง ปลูก สร้างให้มากขึ้น

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร ?

จะเป็นภาษี 2 อย่างรวมกันคือจะมีภาษีที่ดินและภาษีโรงเรือน เรียกว่าภาษี ที่ดิน และสิ่ง ปลูก สร้าง แต่ที่นิยมเรียกกันว่า “ภาษีที่ดิน” ซึ่งเป็นภาษีที่ต้องจัดเก็บเป็นรายปีตามมูลค่าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั่นเอง มีครอบครองอยู่เท่าไหร่ก็ต้องนำมาคิดภาษีทั้งหมด ที่ดินก็หมายถึงที่ดินปกติเลย ส่วนสิ่งปลูกสร้างก็ บ้าน อาคาร ฯลฯ กฎหมายภาษีที่ดินฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2562 แต่เริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยจะคิดอัตราภาษีตามประเภทการใช้ประโยชน์ โดยจะเริ่มตั้งแต่ 0.01 – 3% ต่อปีของมูลค่าที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง

แต่ในปี 2563 นี้ ภาษีที่ดินฉบับใหม่ได้ถูกเลื่อนออกไปมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมพร้อมในการทำหน้าที่จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย เนื่องจากยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุงอีกมาก และต้องรอกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย กฎหมายลูก 8 ฉบับ ราคาประเมินที่ดินจะประกาศในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 แจ้งการประเมินภาษีให้กับผู้เสียภาษี เป็นเดือนมิถุนายนเช่นกัน และชำระภาษีภายในเดือนสิงหาคม 2563 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ขยายเวลาจัดเก็บภาษีเฉพาะปี 2564 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาสำหรับผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกำหนดเวลาในพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เฉพาะการจัดเก็บภาษีที่ดินประจำปี พ.ศ. 2564 ออกไปอีก 2 เดือน

ระยะเวลาเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – มกราคม 2564 สำหรับระยะเวลาการชำระภาษีจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2564 โดยการขยายเวลาจะปรับเปลี่ยนในทุกส่วน เริ่มตั้งแต่การประกาศแจ้งรายการที่ดิน ฯ พฤศจิกายน 2563 ประกาศราคาประเมิน ฯ ก็เลื่อนมาเป็น มีนาคม 2564 แจ้งประเมินภาษี เมษายน 2564 ชำระภาษี มิถุนายน 2564 รายงานข้อมูลจัดเก็บภาษี มกราคม 2565 แจ้งชื่อผู้ค้างชำระภาษี (ทด.) สิงหาคม 2564 แจ้งเตือนภาษีค้างชำระ กรกฎาคม 2564 ผ่อนชำระภาษี มิถุนายน – สิงหาคม 2564

ใครคือผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ?

ซึ่งจะเรียกเก็บจากผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินและอาคาร เจ้าของอาคารที่ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรืออาคารที่เป็นทรัพย์สินของรัฐต้องเสียภาษี ที่ดิน และสิ่ง ปลูก สร้างตามกฎหมาย ซึ่งจะเสียเป็นภาษีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ครอบครองปีใดก็เสียภาษีในปีนั้นนั่นเอง

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจะเป็นผู้ชำระภาษีตามมูลค่าของที่ดิน เจ้าของอาคารจะเสียมูลค่าอาคารเพียงบางส่วนเท่านั้น ทั้งสองจะนำมารวมกันในการคำนวณภาษี ดังนั้น ทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะไม่ถูกแยกออกจากภาษีเดียวกัน ที่ดินจะใช้ราคาประเมินทรัพย์สินที่ดิน อาคารเป็นการประมาณการต้นทุนสำหรับอาคาร หากเป็นคอนโด ห้องชุด จะเป็นราคาประเมินของห้องชุดเอง

การมีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประโยชน์อย่างไร ?

การจัดเก็บภาษีจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและส่วนรวม ถ้าเราไม่เก็บภาษีเลยก็พัฒนาอะไรไปได้ยาก และภาษีมีหลายประเภท สำหรับภาษี ที่ดิน และสิ่ง ปลูก สร้างที่เข้ามาแทนที่ภาษีโรงเรือนแบบเดิมจะมีสิทธิประโยชน์มากมายดังนี้

  1. ช่วยลดความเหลื่อมล้ำผู้มีทรัพย์สินมูลค่าสูง อันจะเป็นการสร้างความเป็นธรรมและช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม พูดง่าย ๆ ก็คือจะต้องเสียภาษีในลักษณะเดียวกันตามมูลค่าของทรัพย์สิน ไม่ขูดรีดของคนที่เสียภาษีใครได้มากกว่าอัตราที่จ่ายก็ขึ้นอยู่กับประโยชน์ของเจ้าของด้วย
  2. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างช่วยลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการประเมินภาษีและส่งเสริมให้เจ้าของที่ดินใช้ดินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังลดปัญหาการกักตุนเพื่อเก็งกำไร จะทำให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน
  3. อปท.มีรายได้เพียงพอในการลงทุนและให้บริการสาธารณะที่ดีและมีคุณภาพแก่ประชาชนเพิ่มพูนรายได้ของ อปท. อย่างหนึ่งด้วยนั่นเอง
  4. เป็นการให้ประชาชนในพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของอปท.ว่าการจัดเก็บภาษีเป็นธรรมหรือไม่ คุณรวบรวมอย่างละเอียดหรือไม่ อีกทั้งยังสามารถติดตามการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนในพื้นที่เพื่อดูว่าจะนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่นและได้สิ่งที่ประชาชนต้องการจริงหรือไม่ นั่นคือมีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตลอด 

ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างต่อไปนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

  1. ทรัพย์สินของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐที่ใช้ในราชการหรือในกิจการของรัฐหรือในกิจการสาธารณะโดยมิได้แสวงหาผลประโยชน์
  2. ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องยกเว้นภาษีให้สำนักงานของสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ จากภาษีตามสนธิสัญญาหรือความตกลงอื่นใด
  3. ทรัพย์สินที่เป็นที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลของต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามหลักการต่างตอบแทน
  4. ทรัพย์สินของสภากาชาดไทย
  5. ทรัพย์สินทางศาสนาของศาสนาใด ๆ ที่ใช้เฉพาะเพื่อกิจกรรมทางศาสนาหรือกิจการสาธารณะหรือทรัพย์สินที่เป็นของพระภิกษุ นักพรต นักบวชหรือบาทหลวงของศาสนาใด ๆ หรือทรัพย์สินที่เป็นศาลเจ้า แต่ไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์
  6. ทรัพย์สินที่ใช้เป็นสุสานหรือฌาปนสถานสาธารณะโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์
  7. บรรดาทรัพย์สินที่เป็นของมูลนิธิหรือองค์การสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่มิได้นำไปใช้ประโยชน์
  8. ทรัพย์สินส่วนตัวเฉพาะส่วนที่ทางราชการอนุญาตให้จัดสาธารณประโยชน์ได้ ทั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด
  9. ทรัพย์ส่วนกลางที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกันสำหรับเจ้าของร่วมของอาคารชุด (ส่วนกลางของคอนโด)
  10. ที่ดินอันเป็นสาธารณูปโภคตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน
  11. ที่ดินอันเป็นพื้นที่สาธารณูปโภคตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
  12. ทรัพย์สินอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (ปัจจุบันยังไม่มี)